โดย  Ambar Warrick

-- ราคาทองคำพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี โดยอยู่เหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์ที่สำคัญ ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีพื้นที่จำกัดในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป ซึ่งทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงด้วย

ในขณะที่เฟด และกล่าวว่ามีความมุ่งมั่นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อ การเปลี่ยนแปลงในคำแถลงการณ์ของเฟดทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยปลายทางของธนาคารกลางนั้นใกล้สิ้นสุดแล้ว

สิ่งนี้ทำให้ค่าเงิน แตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์เมื่อเทียบกับกลุ่มสกุลเงิน ซึ่งส่งผลดีต่อสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีราคาเป็นดอลลาร์ โอกาสที่เฟดจะเคลื่อนไหวเข้มงวดน้อยลงยังช่วยเพิ่มแนวโน้มสำหรับสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทน เช่น ทองคำ

ราคา เพิ่มขึ้น 0.3% เป็น 1,974.58 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ เพิ่มขึ้น 1.4% เป็น 1,976.85 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อเวลา 22:31 ET (02:31 GMT) สัญญาทั้งสองปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากการตัดสินใจของเฟดในวันพุธ

เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐานในวันพุธ แต่ปรับลดท่าทีในคำแถลงการณ์ที่มีต่อการคุมเข้มนโยบายการเงิน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจพิจารณาหยุดการคุมเข้มนโยบายชั่วคราวเพื่อป้องกันปัญหาเศรษฐกิจเพิ่มเติม ธนาคารยังได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับปีนี้อีกด้วย

การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่เป็นไปได้ของเฟดเกิดขึ้นจากวิกฤตการธนาคารที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งทำให้ธนาคารสหรัฐฯ หลายแห่งต้องปิดตัวลงท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนแห่กันไปที่ทองคำที่เป็นที่หลบภัยในสถานการณ์ภาวะเสี่ยง โดยมีความเป็นไปได้ที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะชะลอตัวลง และเฟดที่มีท่าทีเข้มงวดจะส่งผลต่อความต้องการทองคำ

อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ ร่วงลงในชั่วข้ามคืน และเคลื่อนไหวกรอบแคบในการซื้อขายตลาดเอเชียซึ่งส่งผลดีต่อราคาโลหะ ราคาทองคำพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทะลุระดับ 2,000 ดอลลาร์ท่ามกลางความหวาดกลัวต่อวิกฤตธนาคาร แต่หน่วยงานกำกับดูแลได้เข้าแทรกแซงเพื่อบรรเทาความวิตกกังวลของตลาดและฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบธนาคาร ซึ่งเห็นได้ว่าทองคำได้ทำกำไรบางส่วนในช่วงที่ผ่านมา

โลหะมีค่าอื่น ๆ ก็ขยับขึ้นเช่นกันในวันพฤหัสบดี โดยฟิวเจอร์สของ และ เพิ่มขึ้นมากกว่า 1%

ในบรรดาโลหะอุตสาหกรรม ราคาทองแดงพุ่งกลับสู่ระดับสำคัญในวันพฤหัสบดีเนื่องจากความกลัววิกฤตธนาคารผ่อนคลายลง ตลาดยังเดิมพันกับการฟื้นตัวของจีนที่เป็นผู้นำเข้ารายสำคัญ เนื่องจากกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งจากการล็อกดาวน์โควิดนาน 3 ปี

พุ่งขึ้น 0.8% เป็น 4.0690 ดอลลาร์ต่อปอนด์