– การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงอย่างมากในไตรมาสที่สอง เนื่องจากมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด19 และรวมถึงการล็อคดาวน์ และยังมีแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่สดใส

ข้อมูลที่เผยแพร่ในวันนี้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอทางเศรษฐกิจและเพิ่มความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก เนื่องจากผู้กำหนดนโยบายต่างขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้บริโภคและธุรกิจต่าง ๆ อยู่ในความยากลำบากทั่วโลกและพวกเขายังต้องต่อสู้กับความท้าทายที่เป็นผลมาจากสงครามในยูเครนและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน

ข้อมูลอย่างเป็นทางการได้เปิดเผยในวันศุกร์ แสดงให้เห็นถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ( GDP) ในไตรมาสเดือนเมษายนถึงมิถุนายนเติบโตอย่างช้า ๆ ที่ 0.4% จากปีก่อนหน้า ถือว่าเป็นตัวเลขที่แย่ที่สุดสำหรับเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก นับตั้งแต่ปี 1992 ไม่รวมการหดตัว 6.9% ในไตรมาสแรกของปี 2020 เนื่องจากการระบาดของโควิด19 ครั้งแรก

โดยห่างจากตัวเลขที่ได้จากการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์สที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% และยังเป็นสัญญาณของการชะลอตัวลงอย่างมากจากการเติบโต 4.8% ในไตรมาสแรก

เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ตัวเลข GDP ลดลง 2.6% ในไตรมาสที่สองจากไตรมาสก่อน เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 1.5% และเพิ่มขึ้น 1.4% ที่แก้ไขในไตรมาสก่อนหน้า

เนื่องจากมีการล็อคดาวน์ทั้งเมืองหรือบางส่วนในเมืองใหญ่ ๆ ทั่วประเทศในเดือนมีนาคมและเมษายน รวมถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางการค้า ส่งผลให้ GDP ในไตรมาสที่สองหดตัว 13.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี รายได้จากการผลิตของปักกิ่งหดตัว 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสเดียวกัน

ในขณะที่มาตรการหลาย ๆ อย่างถูกยกเลิกไปแล้ว  และข้อมูลของเดือนมิถุนายนก็มีสัญญาณของการพัฒนาที่ดีขึ้น แต่นักวิเคราะห์ไม่คาดหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จีนยังคงยึดมั่นในนโยบายควบคุมโรคโควิด-19 ที่เข้มงวดท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศกำลังตกต่ำอย่างหนักและแนวโน้มทั่วโลกก็มืดมน 

ขณะนี้มีการกำหนดมาตรการล็อกดาวน์ใหม่ในบางเมืองและยังมีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ย่อย BA.5 ที่แพร่ระบาดได้เร็ว ได้เพิ่มความกังวลในหมู่ธุรกิจและผู้บริโภคเกี่ยวกับระยะเวลาของความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้อ

สำหรับครึ่งปีแรก GDP เติบโต 2.5% จากปีก่อนหน้า

หุ้นจีนปรับตัวขึ้นชั่วครู่ก่อนจะพลิกกลับ ขณะที่ค่าเงินหยวนร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนจากรายงาน GDP ที่อ่อนแอ ตามการรายงานของรอยเตอร์ส

เป้าหมายทั้งปีที่อยู่ไกลเกินเอื้อม

ทางการจีนได้เพิ่มนโยบายการสนับสนุนเศรษฐกิจ แม้ว่านักวิเคราะห์กล่าวว่าเป้าหมายการเติบโตอย่างเป็นทางการที่ประมาณ 5.5% สำหรับปีนี้จะเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุผล หากไม่ปฏิบัติตามกลยุทธ์ศูนย์โควิดที่เข้มงวด ผลสำรวจของรอยเตอร์สคาดการณ์ว่าการเติบโตในปี 2022 จะชะลอตัวลงเหลือ 4%

หลายคนเชื่อว่านโยบายผ่อนคลายเพิ่มเติมจากธนาคารกลางจีนอาจถูกจำกัดด้วยความกังวลเกี่ยวกับการไหลออกของเงินทุน เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ และประเทศเศรษฐกิจอื่น ๆ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างจริงจังเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น

นักวิเคราะห์กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นของจีน แม้จะยังไม่รุนแรงเท่าประเทศเศรษฐกิจหลักอื่น ๆ แต่ก็อาจเพิ่มข้อจำกัดในการผ่อนคลายนโยบายการเงินด้วย

ข้อมูลกิจกรรมในเดือนมิถุนายน ซึ่งเผยแพร่ในวันศุกร์นี้เช่นกัน แสดงให้เห็นว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนเติบโต 3.9% ในเดือนมิถุนายนจากปีก่อนหน้า เร่งขึ้นจากที่เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพฤษภาคม

การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนที่ปักกิ่งกำลังรอคอยการเติบโต ขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ 6.1% ในช่วงหกเดือนแรกของปีจากปีก่อนหน้า เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้น 6.2% ในเดือนมกราคม-พฤษภาคม

ยอดค้าปลีกก็ดีขึ้นเช่นกัน เพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมิถุนายน และเติบโตเร็วที่สุดในรอบ 4 เดือน หลังจากที่ทางการยกเลิกการล็อกดาวน์ในเซี่ยงไฮ้ที่กินเวลา 2 เดือน นักวิเคราะห์คาดว่าการเติบโตจะทรงตัวหลังจากลดลง 6.7% ในเดือนพฤษภาคม

อย่างไรก็ตาม มีความท้าทายมากมายสำหรับผู้บริโภคและธุรกิจ

สถานการณ์การจ้างงานยังคงเปราะบาง อัตราว่างงานตามการสำรวจทั่วประเทศลดลงเป็น 5.5% ในเดือนมิถุนายน จาก 5.9% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล แต่การว่างงานของเยาวชนทำสถิติสูงสุด 19.3% ในเดือนมิถุนายน

การฟื้นตัวในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ของจีนกำลังได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากผู้ซื้อบ้านจำนวนมากขึ้นทั่วประเทศที่ระงับการชำระเงินจำนองจนกว่านักพัฒนาจะกลับมาก่อสร้างบ้านก่อนขายต่อ

ข้อมูลในวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของราคาบ้านในเดือนมิถุนายนหยุดชะงักทุกเดือน ขณะที่การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์หดตัวเป็นเดือนที่สี่ และยอดขายขยายการลดลงอีก 18.3%

ผู้กำหนดนโยบายให้คำมั่นที่จะช่วยรัฐบาลท้องถิ่นส่งมอบโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้ตรงเวลา และวางแผนที่จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ถึงกระนั้น กระแสลมที่พัดพาไปสู่การเติบโตก็ชี้ให้เห็นถึงความยากลำบากอย่างหนักรออยู่ข้างหน้า