InfoQuest - ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (12 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทริชมอนด์ และการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลเงินเฟ้อจากฝรั่งเศสและสเปนเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับแผนการของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 465.49 จุด เพิ่มขึ้น 1.87 จุด หรือ +0.40%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,414.85 จุด เพิ่มขึ้น 33.07 จุด หรือ +0.45% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,913.82 จุด เพิ่มขึ้น 78.91 จุด หรือ +0.50% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,754.62 จุด เพิ่มขึ้น 24.04 จุด หรือ +0.31%

ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวในช่วงแคบ ๆ ในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยและ ECB อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก

หุ้นริชมอนด์ เจ้าของแบรนด์สินค้าหรูหรา พุ่ง 3.5% หลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในการซื้อขายช่วงเช้า เนื่องจากริชมอนด์เปิดเผยผลกำไรสุทธิและยอดขายในรอบ 12 เดือนจนถึงเดือนมี.ค. 2566 เพิ่มขึ้นโดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ของผู้บริโภคจีนสำหรับเครื่องประดับและนาฬิกา

สเปนเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 4.1% ในรอบ 12 เดือนจนถึงเดือนเม.ย. ขณะที่ฝรั่งเศสเปิดเผยเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 6.9% ซึ่งทั้งเงินเฟ้อของสเปนและฝรั่งเศสนั้นเป็นไปตามความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์

โยอาคิม นาเกล ผู้กำหนดนโยบายของ ECB เปิดเผยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดของ ECB จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เนื่องจาก ECB จำเป็นต้องมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดต่ำลง

หุ้นกลุ่มพลังงาน อาทิ เชลล์และบีพี ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน

การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนได้ช่วยหนุนตลาด โดยหุ้นสคอร์ (Scor) ซึ่งเป็นบริษัทประกันของฝรั่งเศสเปิดเผยรายได้สุทธิไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาดเกือบ 2 เท่า

หุ้นธนาคารโซซิเอเต้ เจเนเรลของฝรั่งเศส บวก 1.2% หลังเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีเกินคาด เนื่องจากความปั่นป่วนในตลาดพันธบัตรและสกุลเงินได้ช่วยหนุนธุรกิจเทรดดิงของธนาคาร

แต่หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของยุโรป ร่วงลงหนักที่สุด และร่วงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุด 4.5% นับตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค.

ข้อมูลจากรีฟินิทิฟบ่งชี้ว่า จนถึงขณะนี้ บริษัทกว่า 66% ในดัชนี STOXX 600 รายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาด เมื่อเทียบกับระดับปกติที่ 53%

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest