โดย Peter Nurse

- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทรงตัวในช่วงการซื้อขายตอนเช้าของตลาดยุโรปวันนี้ เพราะการมองโลกในแง่ดีที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ความวุ่นวายในภาคธนาคารของสหรัฐฯ สงบลงได้ แม้ว่าความเชื่อมั่นในภาคส่วนนี้ยังคงเปราะบางอยู่ก็ตาม

เมื่อเวลา 03:15 น. ET (07:15 GMT) ซึ่งติดตามค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับกลุ่มของสกุลเงินอื่นอีก 6 สกุล ซื้อขายม่เปลี่ยนแปลงที่ 102.745 เหนือระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ที่เห็นในสัปดาห์ที่แล้ว

ข่าวที่เผยแพร่เมื่อต้นวันจันทร์ว่า First Citizens BancShares (NASDAQ:) ตกลงที่จะรับเงินฝากและเงินกู้ของ Silicon Valley Bank ได้ช่วยบรรเทาความกังวลของตลาดเกี่ยวกับสุขภาพของธนาคารขนาดเล็กในสหรัฐฯ

ตามมาด้วยคำแถลงจากนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ที่พยายามสร้างความมั่นใจให้กับตลาดว่าระบบธนาคารของสหรัฐยังคงมีเสถียรภาพ

อย่างไรก็ตาม เงินฝากในธนาคารขนาดเล็กลดลง 120,000 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์จนถึงวันที่ 15 มีนาคม ขณะที่การกู้ยืมเพิ่มขึ้น 253,000 ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงกดดันยังคงรุนแรง

นีล คาชคารี ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิสกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าความเครียดล่าสุดในภาคการธนาคารและความเป็นไปได้ของวิกฤตสินเชื่อที่ตามมาทำให้สหรัฐฯ เข้าใกล้ภาวะถดถอยมากขึ้น

สิ่งนี้ทำให้ตลาดเชื่อว่า จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม ก่อนที่จะลดลงในช่วงฤดูร้อน ซึ่งทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง

“เชื่อว่าจะมีการตัดอัตราดอกเบี้ยลง 90 จุดพื้นฐาน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนของเฟดก็ไม่ได้ช่วยเรื่องความเชื่อมั่นในแนวโน้มนี้สักเท่าไหร่” นักวิเคราะห์จาก ING กล่าวในหมายเหตุ

สกุลเงินอื่น ๆ ขยับสูงขึ้นเป็น 1.0762 หลังจากร่วงลง 0.6% ในวันศุกร์เมื่อหุ้นธนาคารยักษ์ใหญ่ของเยอรมันอย่าง Deutsche Bank (ETR:) ร่วงลงอย่างหนักจากความกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ธนาคารปิดตัว

คริสตีน ลาการ์ดประธานธนาคารกลางยุโรป กล่าวกับผู้นำสหภาพยุโรปเมื่อวันศุกร์ว่าภาคการธนาคารในเขตยูโรยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากระบอบการกำกับดูแลที่แข็งแกร่ง

เทรดเดอร์จะจับตาดูรายงาน ในเดือนมีนาคมในช่วงถัดไป เพื่อหาเบาะแสของความเชื่อมั่นในธุรกิจของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยูโรโซน

เพิ่มขึ้น 0.2% เป็น 1.2257 ลดลง 0.5% ในวันศุกร์ ขณะที่ เพิ่มขึ้น 0.3% เป็น 0.6663

เพิ่มขึ้น 0.4% เป็น 131.25 โดยเงินเยนสูญเสียระดับที่น่าสนใจ ขณะที่ เพิ่มขึ้น 0.2% เป็น 6.8785 หลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าผลกำไรในภาคอุตสาหกรรมลดลงอย่างรวดเร็วในสองเดือนแรกของปี 2023 ชี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่เป็นไปอย่างช้า ๆ