ผลประกอบการอาจหนุนตลาดให้มีความเคลื่อนไหวในวิกฤตน้ำมันแพงที่สุดตั้งแต่ปี 2014
2021-10-21 17:14:29
more 
840
Nền tảng liên quan:

ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม เราได้เตือนแล้วว่าเดือนนี้จะเป็นเดือนที่ผันผวนที่สุดในรอบปี อ้างอิงจากสถิติของตลาดลงทุนที่เคยกิดขึ้นมา แต่ปีนี้อาจจะมีความพิเศษมากกว่าทุกปีเพราะภาวะเงินเฟ้อ ที่เกิดขึ้นจากมาตรการเยียวยาโควิด ยังคงสร้างแรงกดดันขาขึ้นในตลาดหุ้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ตลาดลงทุนมีความผันผวนมากเป็นพิเศษ แม้ว่าเดือนกันยายนจะได้ชื่อว่าเป็นช่วงเวลาขาลงที่หนักที่สุดนับตั้งแต่มีนาคมปี 2020 แต่เมื่อเข้าสู่เดือนตุลาคม ตลาดลงทุนก็สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้สองสัปดาห์ติดต่อกัน

ดัชนีหลักทั้งสี่ของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นเอสแอนด์พี 500 ดาวโจนส์ แนสแด็ก และแนสแด็ก 100 ต่างก็สามารถสร้างขาขึ้นได้ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ขาขึ้นของดัชนีดาวโจนส์สร้างสถิติดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2021 และเป็นขาขึ้นที่ดีที่สุดของเดือนตุลาคมในรอบหกปี จิม แครมเมอร์ พิธีกรรายการ “เมด มันนี่” (Mad Money) ถึงกับเรียกช่วงเวลาเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วว่าเป็นเหมือนพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยนักลงทุนโดยแท้

สำหรับการรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 จิมคิดว่านักลงทุนไม่ได้สนใจว่าผลประกอบการของทุกบริษัทจะต้องเป็นบวกทั้งหมด ขอเพียงบวกมากพอจนนักลงทุนเลิกสนใจแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาซัพพลายเชนชาดแคลนก็เพียงพอแล้ว อาจจะฟังดูเหมือนเป็นคำพูดปลอบใจ แต่ก็ถือว่ามีส่วนจริงอยู่บ้าง เพราะตั้งแต่การระบาดเริ่มต้นขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน นักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์ สตรีทก็พยายามทำเป็นเหมือนกับปิดตาข้างเดียว สนใจแต่กำไรที่จะได้ แม้ว่านั่นจะหมายถึงผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

SPX Daily

จากรูปเราจะเห็นได้ว่ากราฟของดัชนีเอสแอนด์พี 500 เริ่มแสดงแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนมากกว่าเดิม ด้วยการที่แท่งเทียนของวันศุกร์สามารถทำราคาปิดเหนือแท่งเทียนดาวตก (Shooting Star) ที่เป็นสัญลักษณ์ของแท่งเทียนขาลงได้จากวันพฤหัสบดีของสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ที่สำคัญ แท่งเทียนเมื่อวันศุกร์สามารถสร้างจุดปิดอยู่ใกล้กับกรอบราคาด้านบน เพิ่มความเป็นไปได้ที่ราคาอาจจะทะลุกรอบขาขึ้นนี้ขึ้นไป หรืออาจจะดีดตัวกลับลงมาเพราะไม่สามารถผ่านแนวต้านตัดกล่าวได้ 

แต่เมื่อพิจารณาจากอินดิเคเตอร์ RSI และ MACD จะเห็นว่าทั้งคู่สร้างสัญญาณขาขึ้นแล้ว โดยที่เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นของ MACD สามารถตัดเส้นระยะยาวขึ้นไปได้ และอินดิเคเตอร์ RSI สร้างรูปแบบหัวไหล่ด้านหงาย (Inverted Head & Shoulder) เสร็จเป็นที่เรียบร้อย

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณากราฟรายสัปดาห์จะเห็นความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างเอสแอนด์พี 500 รายวันและรายสัปดาห์อยู่ ในขณะที่กราฟรายวันกำลังส่งสัญญาณขาขึ้นตามที่ได้กล่าวไป แต่กราฟรายสัปดาห์กลับกำลังส่งสัญญาณขาลง

SPX Weekly

จากรูปจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากราฟเอสแอนด์พี 500 รายสัปดาห์ได้ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นระยะยาว ที่ลากมาตั้งแต่จุดต่ำสุดในเดือนมีนาคมปี 2020 แล้ว และเมื่อพิจารณาอินดิเคเตอร์ตัวเดียวกันอย่าง RSI ก็จะเห็นว่าอินดิเคเตอร์ดังกล่าวหลุดเส้นเทรนด์ไลน์ลงมาแล้วเช่นกัน การที่อินดิเคเตอร์ตัวเดียวกันแสดงความขัดแย้งกันในไทม์เฟรมที่ต่างกันคือหลักฐานของความผันผวนอย่างชัดเจน

นอกจากพฤติกรรมของเอสแอนด์พี 500 ซึ่งเป็นดัชนีหลักแล้ว เรายังพบพฤติกรรมที่ขัดแย้งกันเองในดัชนีของบริษัทจดทะเบียนที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดเล็กอย่างรัสเซล 2000 ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบกับดัชนีเทคโนโลยีรุ่นใหญ่อย่างแนสแด็ก 100 คิดว่าเป็นเรื่องน่าสนใจหรือไม่ที่ได้เห็นดัชนีขนาดเล็กปรับตัวขึ้น สวนทางกับแนสแด็ก ที่ว่ากันว่าเคยเป็นสวรรค์ของผู้ลี้ภัยจากวิกฤตโควิดในปีที่แล้ว 

คำถามที่สมควรถามจากพฤติกรรมแปลกๆ ในตลาดหุ้นครั้งนี้คือในขณะที่นักลงทุนกำลังกังวลกับภาวะเงินเฟ้อที่กำลังกัดกร่อนภาพการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทำไมดัชนีที่เคยพึ่งพาได้ในยามยากอย่างแนสแด็กกลับไม่สามารถวิ่งขึ้นได้ดีอย่างเช่นดัชนีรัสเซล 2000?

RUT Weekly

แต่เมื่อมาดูกราฟจริงๆ ก็จะเห็นว่ารัสเซล 2000 ก็ผันผวนไม่แพ้เอสแอนด์พี 500 ที่สำคัญความผันผวนของรัสเซล 2000 เกิดขึ้นก่อนเอสแอนด์พี 500 เสียด้วยซ้ำ ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่สองมาจนถึงปัจจุบัน ความผันผวนของรัสเซล 2000 ยังคงวิ่งอยู่ในกรอบราคาระหว่าง 2290 จุดลงมาจนถึง 2190 จุดโดยประมาณ สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อก็คือ ผมไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่จิม แครมเมอร์ พูดทั้งหมด ขาขึ้นในช่วงสองสัปดาห์ล่าสุดไม่ใช่พระเอกขี่ม้าขาว แต่เป็นเพียงคลื่นความผันผวนอีกรูปแบบหนึ่งเท่านั้น 

ไม่ว่าสัปดาห์นี้ตลาดจะผันผวนไปทางไหน นักลงทุนก็ไม่ได้สนใจว่าขาขึ้นจะเป็นพระเอกขี่ม้าขาวจริงหรือไม่ สิ่งที่พวกเขาจะให้ความสนใจคือรายงานผลประกอบการของสัปดาห์นี้ที่เต็มไปด้วยบริษัทชื่อดังไม่ว่าจะเป็น Netflix (NASDAQ:NFLX), Tesla (NASDAQ:TSLA) Intel (NASDAQ:INTC) Procter & Gamble (NYSE:PG) และ American Express (NYSE:AXP)

ไฮไลท์แรกของสัปดาห์นี้คงหนีไม่พ้นวันอังคารที่ 19 ตุลาคม เพราะเน็ตฟลิกซ์จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สาม ปี 2021 หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์ปิดทำการ ขาขึ้นที่ต่อยอดมาจากรูปแบบหัวไหล่ ช่วยส่งให้หุ้นเน็ตฟลิกซ์สามารถขึ้นยืนเหนือระดับราคา $700 ได้

NFLX Weekly

หุ้นเน็ตฟลิกซ์ที่เคยเติบโตมาได้อย่างงดงามในช่วงการแพร่ระบาดเกิดขึ้นใหม่ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ผู้คนเริ่มกลับออกไปทำงานตามปกติ ประกอบกับเกิดคู่แข่งภาพยนตร์สตรีมมิ่งมากมาย คำถามก็คือเน็ตฟลิกซ์จะยังสามารถรักษาตำแหน่งราชาภาพยนตร์สตรีมมิ่งของตัวเองเอาไว้ได้หรือไม่

หลังจากทราบรายงานผลประกอบการของเน็ตฟลิกซ์ ความสนใจของนักลงทุนจะเปลี่ยนไปอยู่ที่รายงานผลประกอบการของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันพุธที่ 20 ตุลาคมหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด

TSLA Weekly

ก่อนหน้านี้ไม่นานในช่วงต้นเดือน เทสลาพึ่งจะประกาศจำนวนรถยนต์ส่งมอบไปยังลูกค้าในไตรมาสที่สาม ตัวเลขส่งมอบในไตรมาสที่แล้วมีตัวเลขอยู่ที่ 241,300 คัน สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ที่ 220,900 คันได้ แต่สิ่งที่นักลงทุนอยากทราบก็คือปัญหาซัพพลานเชนขาดแคลน ที่ส่งผลกระทบถึงชิปประมวลผลจะส่งผลกระทบต่อบริษัทมากน้อยเพียงใด

สัปดาห์ที่แล้วกราฟอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบแปดสัปดาห์

UST 10Y Weekly

จากกราฟวิเคราะห์ทางเทคนิค จะเห็นว่ากราฟอัตราผลตอบแทนฯ กำลังวิ่งอยู่ในกรอบราคาขาขึ้น แต่สิ่งที่กราฟกำลังจะต้องเผชิญตอนนี้คือแนวต้านที่บริเวณ 1.1776% แนวต้านนี้มีความสำคัญเพราะเป็นบริเวณที่เส้นเทรนด์ไลน์พาดผ่านลงมาจากจุดสูงสุด (Peak) 2 แห่งล่าสุด การขึ้นยืนเหนือเส้นเทรนด์ไลน์นี้ได้ จะส่งให้ราคาสามารถปรับตัวขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่สามได้

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ซึ่งการอ่อนค่าครั้งนี้ทำให้สกุลเงินสำรองอันดับหนึ่งของโลกผันผวนเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน

Dollar Weekly

การผันผวนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากดัชนีดอลลาร์สหรัฐสามารถสร้างรูปแบบ double-bottom ที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนมกราคมและเดือนมิถุนายน

ถึงแม้ว่าดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวขึ้น แต่ทองคำก็ยังไม่สามารถใช้โอกาสนี้สร้างขาขึ้นได้อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นกลับปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในวันศุกร์ที่ผ่านมาด้วย

Gold Weekly

ขาขึ้นของทองคำเมื่อวันศุกร์ขึ้นมาทดสอบเส้น neckline ของรูปแบบหัวไหล่ขาลง การที่ทองคำไม่สามารถผ่านขึ้นมาได้เช่นนี้ ยิ่งส่งสัญญาณว่าราคามีโอกาสปรับตัวลดลงต่อ

หรือว่าทองคำจะส่งสถานะสินทรัพย์สำรองอันดับหนึ่งของโลกให้กับราชาสกุลเงินดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ไปแล้ว เพราะในช่วงเวลาเดียวกันนั้นบิทคอยน์สามารถปรับตัวขึ้นได้เป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน

BTC/USD Weekly

แท่งเทียนขาขึ้นรูปแบบสามทหารเสือ (Three White Soldiers) ได้ส่งกราฟบิทคอยน์ให้กลับขึ้นมาทดสอบบริเวณแนวต้านเดิมที่ $60,000 อีกครั้ง ตอนนี้สถานการณ์ของบิทคอยน์ถือว่าน่าสนใจมาก หากปรับตัวขึ้นต่อ แน่นอนว่าต้องมีการสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่สองครั้งภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี แต่ถ้าไม่ กราฟบิทคอยน์ก็อาจจะกลายเป็นการสร้างรูปแบบ double-top ขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเลือกไปทางไหน ต่างมีเหตุผลสนับสนุนทั้งสองด้านด้วยกันทั้งนั้น

สุดท้าย ราคาน้ำมันดิบที่เป็นส่วนหนึ่งของภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบันสามารถขึ้นยืนเหนือ $82 ต่อบาร์เรลได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 ทำให้กราฟน้ำมันดิบ WTI สามารถสร้างขาขึ้นเป็นสัปดาห์ที่แปดติดต่อกันได้สำเร็จ นี่คือขาขึ้นของน้ำมันดิบ WTI ที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2015

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ (เวลาทั้งหมดคำนวณเป็น EDT)

วันอาทิตย์ 

 

22:00 (ประเทศจีน) รายงานตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 3: คาดว่าจะลดลงจาก 7.9% เป็น 5.2% YoY

 

22:00 (ประเทศจีน) รายงานตัวเลขผลผลิตในภาคอุตสาหกรรม: คาดว่าจะลดลงจาก 5.3% เป็น 4.5% YoY

 

วันจันทร์

 

09:15 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขผลผลิตในภาคอุตสาหกรรม: คาดว่าจะลดลงจาก 0.4% เป็น 0.2%

 

21:30 (ออสเตรเลีย) การประชุมของธนาคารกลาง

 

วันอังคาร

 

08:05 (สหราชอาณาจักร) ถ้อยแถลงของผู้ว่าการธนาคารกลาง

 

08:30 (สหรัฐฯ) การอนุญาตก่อสร้าง: คาดว่าจะลดลงจาก 1.721M เป็น 1.680M

 

21:30 (ประเทศจีน) รายงานตัวเลขอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากธนาคารกลาง: ตัวเลขครั้งก่อนออกมาอยู่ที่ 3.85%

 

วันพุธ

 

02:00 (สหราชอาณาจักร) ดัชนีราคาผู้บริโภค: คาดว่าจะคงที่ 3.2% YoY

 

05:00 (ยูโรโซน) ดัชนีราคาผู้บริโภค: คาดว่าจะคงที่ 3.4% YoY

 

08:30 (แคนาดา) ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน: ตัวเลขเดือนที่แล้วออกมาอยู่ที่ 0.2% YoY

 

10:30 (สหรัฐฯ) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 6.088M เป็น 0.702M

 

วันพฤหัสบดี

 

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 293K เป็น 303K

 

08:30 (สหรัฐฯ) ดัชนีภาคการผลิตจากเฟดฟิลาเดเฟีย: คาดว่าจะลดลงจาก 30.7 จุดเป็น 24.5 จุด

 

10:00 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยมือสอง: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 5.88M เป็น 6.06M

 

วันศุกร์ 

 

02:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานตัวเลขยอดค้าปลีก: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -0.9% เป็น 0.4%

03:30 (เยอรมัน) ดัชนี PMI ภาคการผลิต: คาดว่าจะลดลงตาก 58.4 จุดเป็น 56.9 จุด

08:30 (แคนาดา) รายงานตัวเลขยอดค้าปลีกพื้นฐาน: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -1.0% เป็น 3.0%

Tuyên bố:
Nội dung bài viết này không thể hiện quan điểm của trang web FxGecko, nội dung chỉ mang tính chất tham khảo không mang tính chất tư vấn đầu tư. Đầu tư là rủi ro, hãy lựa chọn cẩn thận! Nếu có bất kỳ vấn đề nào liên quan đến nội dung, bản quyền,… vui lòng liên hệ với chúng tôi và chúng tôi sẽ điều chỉnh trong thời gian sớm nhất!
您正在访问的是FxGecko网站。 FxGecko互联网及其移动端产品是中国香港特别行政区成立的Hitorank Co.,LIMITED旗下运营和管理的一款面向全球发行的企业资讯査询工具。

您的IP为 中国大陆地区,抱歉的通知您,不能为您提供查询服务,还请谅解。请遵守当地地法律。