- หุ้นเอเชียแปซิฟิกเปิดตลาดแบบผันผวนในวันนี้ หลังจากเซสชั่นเชิงลบในวอลล์สตรีท ซึ่งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปิดลดลงและหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น

เมื่อเวลา 11:20 a.m. AEDT (12:20 a.m. GMT) ดัชนี และ ขยับลง 0.1% และ 0.3% ตามลำดับ ขณะที่ เพิ่มขึ้น 0.3%

ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เพิ่มขึ้น 2.5% เป็น 83.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ เพิ่มขึ้น 0.8% เป็น 2,174.48 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในตลาดตราสารหนี้ท้องถิ่น อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียอายุ 2 ปีเพิ่มขึ้นเป็น 3.76% ขณะที่อัตราผลตอบแทนอายุ 10 ปีก็เพิ่มขึ้นเป็น 4.01% เช่นกัน พันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีอยู่ที่ 4.63% และอัตราผลตอบแทนอายุ 10 ปีอยู่ที่ 4.19%

หุ้นจีนปิดลดลง หลังได้รับผลกระทบจากหุ้นประกันภัยและอสังหาริมทรัพย์ ดัชนี ปรับลง 0.4% เซินเจิ้นคอมโพสิต ขยับลง 0.1% และ ChiNext ลดลง 0.6%

ดัชนี ของฮ่องกงร่วงลง 0.1% ปิดที่ 17082.11 จุด หลังถูกดึงลงจากหุ้นอสังหาริมทรัพย์ ทางด้าน Zijin Mining กับ Li Auto (NASDAQ:) และ Xinyi Solar ปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งดัชนีฮั่งเส็งเทคที่ปรับขึ้น 0.3% เป็น 3656.30 จุด

หุ้นญี่ปุ่นปิดลดลง โดย Nikkei ปรับลง 0.3% เป็น 38695.97 จุด หลังถูกกดดันจากการขาดทุนของหุ้นการขนส่งและยา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีลดลงหนึ่งจุดเป็น 0.755%

ดัชนีอินเดียปิดลดลงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ Sensex ปิดลดลง 1.2% เป็น 72761.89 จุด โดยหุ้นชั้นนำอย่าง Tata Steel กับ Tata Motors และ Wipro ปรับลดลง

หุ้นยุโรปมีผลการดำเนินงานที่หลากหลาย STOXX 600 ขยับขึ้น 0.16% เป็น 507.33 จุด ปรับขึ้น 0.62% เป็น 8,137.58 จุดและ ปิดทรงตัวที่ 17,961.38 จุด

ปิดเพิ่มขึ้น 0.3% เป็น 7,772.17 จุดในวันพุธ หลังได้รับแรงหนุนจากการเติบโตที่ 0.2% ใน GDP ของสหราชอาณาจักรเดือนมกราคม (LON:) เป็นหุ้นที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดประจำวัน โดยเพิ่มขึ้น 5.3% ตามด้วย (LON:) และ Anglo American (JO:) ที่มีกำไรเพิ่มขึ้น 4.8% และ 4.6% ตามลำดับ

หุ้นของสหรัฐฯ ปิดตลาดด้วยผลลัพธ์ที่หลากหลาย ปรับขึ้น 37 จุดหรือ 0.1% เป็น 39043 จุด ขณะที่ ลดลง 0.2% เป็น 5165 จุดและ ปรับลง 0.5% เป็น 16177 จุด

4 จาก 11 กลุ่มหุ้นของ S&P 500 ปิดตลาดด้วยสัญญาณสีแดง โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งร่วงลง 1.1% เนื่องจากหุ้นผู้ผลิตชิป รวมถึง Intel (NASDAQ:) และ Advanced Micro Devices (NASDAQ:) มีส่วนทำให้ภาคส่วนนี้ปรับลดลง ปรับลง 2.5%

หุ้นกลุ่มพลังงานเป็นภาคส่วนที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 1.5% ในขณะที่หุ้นเทคโนโลยีสารสนเทศชะลอลง รายงานเศรษฐกิจในพรุ่งนี้คาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานที่ชะลอตัวลง ขณะที่ตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์คาดว่าจะคงที่ที่ 218,000 ราย

ลงทุนหุ้นอเมริกาแบบมือโปร เข้าถึงเครื่องมือตัวช่วยในการลงทุน investingPro รับส่วนลด 10% เพียงกรอกคูปองโค้ด TH2024 ที่หน้าชำระเงิน สมัครใช้งานได้แล้ววันนี้