โดย Peter Nurse

- ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นในการซื้อขายช่วงเช้าของตลาดยุโรปวันนี้ แต่ความผันผวนยังถูกจำกัด เนื่องจากจะมีรายงานข้อมูลการจ้างงานรายสัปดาห์และข้อมูลการเติบโตรายไตรมาส ซึ่งอาจเป็นเบาะแสสำหรับการดำเนินการของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในอนาคต

เมื่อเวลา 03:15 น. ET (07:15 GMT) ซึ่งติดตามค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับกลุ่มของสกุลเงินอื่นอีก 6 สกุล ซื้อขายต่ำกว่าที่ 102.260 และมีแนวโน้มลดลง 2% ในเดือนมีนาคม

ความกังวลที่ลดลงเกี่ยวกับภาคการธนาคารส่งผลให้เทรดเดอร์เปลี่ยนความสนใจไปที่การควบคุมอัตราเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐฯ

วันศุกร์มีการเปิดเผยมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดใช้ในการอ้างอิง นั่นคือ แต่ก่อนหน้านั้นจะมีการเปิดเผยข้อมูลจำนวน รายสัปดาห์และ ช่วงต้นของไตรมาสที่สี่ ซึ่งจะให้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ขณะนี้ตลาดกำลังกำหนดราคาว่ามีโอกาส 60% ที่ จะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม อ้างอิงจากเครื่องมือ CME FedWatch แต่ตัวเลขนั้นสูงขึ้นมากในสัปดาห์ที่แล้วท่ามกลางวิกฤตการธนาคาร

ขยับลงเป็น 1.0839 หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อจากนอร์ธไรน์-เวสต์ฟาเลีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของเยอรมนี รายงานแสดงให้เห็นถึงตัวเลขการเติบโตที่ ในเดือนมีนาคม ซึ่งเท่ากับ { {ecl-2122||เพิ่มขึ้นปีละ 6.9%}} ซึ่งแสดงถึงการเติบโตที่ชะลอตัวลงอย่างมากจากการเพิ่มขึ้น 8.5% ในเดือนก่อนหน้า

นอกจากนี้ เพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมีนาคม ชะลอตัวลงอย่างมากจาก 6.0% ในเดือนกุมภาพันธ์

โดยรายงาน อย่างเป็นทางการจะถูกเปิดเผยในวันศุกร์

นักวิเคราะห์จาก ING กล่าวในหมายเหตุว่า "ด้วยธนาคารกลางยุโรปขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ต้องชัดเจน ตัวเลขเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของตลาด" "ขณะนี้ตลาดเชื่อว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐานถึงสองครั้งภายในเดือนกันยายนในเส้นโค้ง OIS และเห็นได้จากแถบสำหรับการปรับขึ้นนั้นค่อนข้างสูง"

เพิ่มขึ้น 0.2%เป็น 1.2341 เพิ่มขึ้น 0.4% เป็น 0.6711 ขณะที่ ลดลง 0.4% แตะ 132.28 เงินเยนฟื้นตัวหลังจากประสบปัญหาการขาดทุนในชั่วข้ามคืน

ธนาคารแห่งอเมริกา กล่าวว่า แม้ว่าความผันผวนจะลดลงในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา แต่ตลาดสกุลเงินทั่วโลกก็มีความเสี่ยงต่อภาวะขาดสภาพคล่องในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากสภาวะการเงินตึงตัวและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว 

“ผลกระทบจากการคุมเข้มสินเชื่อของธนาคารยังไม่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ และวัฏจักรเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ช่วงหดตัวสำหรับการเติบโต” พวกเขากล่าว