สรุป วานนี้ปิดปรับตัวลดลง 5.33 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ ราคาทองคําดีดขึ้นตัวในช่วงเช้าของตลาดเอเชียและช่วงต้นของตลาดยุโรป โดยได้รับแรงหนุนจาก 2 ปัจจัย ได้แก่
(1) การแข็งค่าของเยน หลังจากสื่อรายงานว่าในปีหน้า รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมหารือกับธนาคารกลางญี่ปุ่น (Boil) เพื่อปรับเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น หลังจากมีการ กําหนดเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% เป็นเวลานานเกือบ 10 ปี ซึ่งการแข็งค่าของเยนเป็นปัจจัยหลักที่กดดันดัชนีดอลลาร์ให้เริ่มอ่อนค่าลงในช่วงเช้าของวานนี้ และ
(2) ยูโรแข็งค่าขึ้น หลัง Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนีระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นเกินคาด สู่ระดับ 88.6 ในเดือนธ.ค. สะท้อนว่าเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรปมี แนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น สถานการณ์ดังกล่าวกดดันดัชนีดอลลาร์เพิ่ม จนเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคําให้ปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,794.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ตาม ราคา ทองคําไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้ และปรับตัวลดลงในช่วงตลาดสหรัฐ โดยกลับมาได้รับแรงกดดันจากการฟื้นตัวของดัชนีดอลลาร์ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะ เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า และมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงตลอดปี 2023 โดยไม่เร่งรีบผ่อนคลายนโยบายการเงินก่อนเวลาอันควร สถานการณ์ดังกล่าวหนุนดัชนี ดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐให้ฟื้นตัวขึ้นจนกดดันราคาทองคําในที่สุด ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคําเพิ่มขึ้น +1.74 ตัน สําหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมBal รวมถึงการเปิดเผยตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างและตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐ
วันก่อนหน้าราคาอ่อนตัวลง หากราคาฟื้ นตัวขึ้นไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 1,799-1,808 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (1,799ระดับสูงสุดของวันก่อนหน้า)อาจมีแรงขายออกมาเพิ่ม อย่างไรก็ตาม หากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,774-1,765 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่ง แรงขายอาจชะลอตัวหรืออาจเกิดการดีดตัวขึ้นช่วงสั้น ราคาจะแกว่งตัวออกด้านข้าง
คําแนะนํา เปิดสถานะขาย $1,799-1,808
จุดทํากําไร ซื้อคืนเพื่อทํากําไร $1,774-1,765
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสถานะขายหากผ่าน $1,824
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687- กด 1 หรือเว็บไซต์ \\.co.th