ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 129.84 จุด ขณะ S&P500, Nasdaq ปิดลบ โดย InfoQuest
2023-02-19 06:10:06
more 
811

InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (17 ก.พ.) แต่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดลบท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก หลังจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่สูงเกินคาด และบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,826.69 จุด เพิ่มขึ้น 129.84 จุด หรือ +0.39%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,079.09 จุด ลดลง 11.32 จุด หรือ -0.28% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,787.27 จุด ลดลง 68.56 จุด หรือ -0.58%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.1%, ดัชนี S&P500 ลดลง 0.3% และดัชนี Nasdaq บวก 0.6%

นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นราว 6% แล้ว ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นราว 13% หลังร่วงลงอย่างหนักในปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 ปรับตัวลงในวันศุกร์ โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นไมโครซอฟท์และอินวิเดีย ขณะที่นักลงทุนวิตกว่า ภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ อาจทำให้เฟดต้องปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น, ตลาดแรงงานตึงตัว และการใช้จ่ายของผู้บริโภคฟื้นตัว ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

โกลด์แมน แซคส์และแบงก์ ออฟ อเมริกาคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีนี้ และปรับขึ้นครั้งละ 0.25%

ส่วนบรรดาเทรดเดอร์คาดว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 2 ครั้ง และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะแตะระดับสูงสุดที่ 5.3% ภายในเดือนก.ค. ขณะที่เฟดพยายามที่จะลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจและลดเงินเฟ้อ

บรรดานักลงทุนวิตกเกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด หลังนางมิเชล โบว์แมน ผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะมีความคืบหน้าในการจัดการกับเงินเฟ้อ

ด้านนายโธมัส บาร์กิ้น ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ระบุว่า เฟดยังจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป แต่อาจปรับขึ้นในอัตรา 0.25%

ดัชนี Cboe Volatility ซึ่งวัดความวิตกของนักลงทุนนั้น ปรับตัวอยู่เหนือระดับ 20 จุดเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน

หุ้น 6 กลุ่มใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P 500 ปิดบวก โดยกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้น 1.29% และหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค บวก 1%

ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 3.65% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 3.8%หุ้นไมโครซอฟท์ คอร์ป ร่วงลง 1.6% และหุ้นอินวิเดีย ร่วง 2.8% ซึ่งถ่วงดัชนี S&P500 ลงมากที่สุด ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน

หุ้นโมเดอร์นา ร่วงลง 3.3% หลังการทดลองวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิด RNA ให้ผลการวิจัยที่เป็นไปอย่างไร้ทิศทาง

หุ้นเดียร์ แอนด์ โค บริษัทผลิตอุปกรณ์เกษตรรายใหญ่ที่สุดของโลก พุ่งขึ้น 7.5% หลังปรับเพิ่มผลกำไรทั้งปี และเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีเกินคาด

หุ้นเหมืองลิเธียม อาทิ ลิเวนต์ คอร์ป, อัลเบมาร์ล คอร์ป และเพียดมอนต์ ลิเธียม ร่วงลงราว 10-12% เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับราคาลิเธียมที่อ่อนแอลงในจีน

หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 3.10% และเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุดในดัชนี S&P500

สำหรับปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กค่อนข้างเบาบางในวันศุกร์ ขณะที่ตลาดจะปิดทำการในวันจันทร์ (20 ก.พ.) เนื่องในวันประธานาธิบดีสหรัฐ

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

Statement:
The content of this article does not represent the views of fxgecko website. The content is for reference only and does not constitute investment suggestions. Investment is risky, so you should be careful in your choice! If it involves content, copyright and other issues, please contact us and we will make adjustments at the first time!

Related News

您正在访问的是FxGecko网站。 FxGecko互联网及其移动端产品是中国香港特别行政区成立的Hitorank Co.,LIMITED旗下运营和管理的一款面向全球发行的企业资讯査询工具。

您的IP为 中国大陆地区,抱歉的通知您,不能为您提供查询服务,还请谅解。请遵守当地地法律。