ในวันนี้ (9 ก.พ.) แกว่งตัวขึ้นลงในกรอบ 1,871.60-1,885.41 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (16.40 น.) สอดคล้องทิศทางของค่าเงิน ดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ โดยภาพรวมการซื้อขายในวันนี้ค่อนข้างเบาบาง ซึ่งคาดว่า เป็นผลมาจากการที่นักลงทุนกําลัง ประเมินแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดหลายรายออกมาแสดงความคิดเห็น ไปในทางเดียวกันว่า เฟดยังคงต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป อีกทั้งนายนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก ยังให้สัมภาษณ์กับ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลว่า เฟดจําเป็นต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับที่คุมเข้ม (Restrictive Level) ต่อไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี ซึ่งนานกว่าที่ตลาดเคยคาดการณ์ไว้ จึงสร้างความวิตกกังวลขึ้นในตลาดการเงินทั่วโลก ขณะเดียวกัน ประเด็นดังกล่าวได้หนุนค่าเงินดอลลาร์ และกดดันราคาทองคําให้ปรับตัวลง อย่างไรก็ดี นายวิลเลียมส์ยังคงสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 5.1% ซึ่งเป็นตัวเลขในกรอบอัตรา 5.0-5.25% สอดคล้องกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างชะลอตัวที่ 0.25% อีก 2 ครั้ง ในเดือนมี.ค. และพ.ค. ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ตลาดจึงคลายความกดดันลงไป เช่นเดียวกับราคาทองคําที่ปรับตัวขึ้น ตามจังหวะการอ่อนค่าลงของดอลลาร์ ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงจับตา ตัวเลขเศรษฐกิจที่สําคัญ อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่จะถูกเปิดเผยออกมาในสัปดาห์หน้า

คําแนะนํา

• เปิดสถานะซื้อทํากําไรระยะสั้น หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,867-1,859 ดอลลาร์ต่อออนซ์

• รอทยอยปิดสถานะซื้อทํากําไร หากราคาปรับตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้าน 1,889-1,905 ดอลลาร์ต่อออนซ์

• สถานะซื้อตัดขาดทุน หากราคาหลุดแนวรับ 1,859 ดอลลาร์ต่อออนซ์

บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687- กด 1 หรือเว็บไซต์ \\.co.th