วันนี้ (23 มี.ค.) ดีดตัวขึ้นจากวันก่อนหน้า ตามการปรับตัวลงของดัชนีเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ทั้งนี้ ในวันที่ผ่านมา (22 มี.ค.) คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) แถลงมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ตาม คาดการณ์ของตลาด แต่เนื่องด้วยถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มที่อาจยุติ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด สะท้อนผ่านตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่อยู่ในระดับ 5.1% ซึ่งต่ํากว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ก่อนหน้านี้ ค่าเงินดอลลาร์จึงปรับตัวลงตอบรับแนวโน้มดังกล่าว ตรงนี้จึงเป็นปัจจัยที่หนุนให้ราคาทองคําปรับตัวขึ้น นอกจากนั้น ราคาทองคํายัง ได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินของสหรัฐ เนื่องด้วยถ้อยแถลงของนายพาวเวลยังคงย้ําถึง ความสําคัญในการจัดการกับภาวะเงินเฟ้อ โดยกล่าวว่า เฟดจะทําการคุมเข้มนโยบายทางการเงินต่อไป หากมีความจําเป็นต่อการควบคุมเงินเฟ้อ ให้กลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 2% พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า ภาคสถาบันการเงินที่ ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ ได้กล่าวว่า บรรษัทค้ําประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ไม่ได้พิจารณาที่จะรับประกันเงินฝากในธนาคารทั้งหมด ซึ่งเกิดการบั่นทอน ความเชื่อมั่นต่อการรับมือกับวิกฤติของทางการสหรัฐ ทําให้หลายฝ่ายจึงเริ่มกลับมากังวลต่อแนวโน้มที่เฟดจะกลับมาขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งอาจทําให้ วิกฤติสภาพคล่องของภาคสถาบันการเงินในสหรัฐนั้นเลวร้ายลง ราคาทองคําจึงมีปัจจัยหนุนเพิ่มขึ้นจากแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

คําแนะนํา

• ราคาจะดีดตัวขึ้น หลังจากทิ้งตัวลงในช่วงต้นสัปดาห์

• เปิดสถานะขายทํากําไรระยะสั้น หากราคาไม่ผ่านแนวต้าน 1,985 ดอลลาร์ต่อออนซ์

• ทยอยปิดสถานะขายทํากําไร หากราคาปรับตัวลงไม่หลุดแนวรับโซน 1,934-1,911 ดอลลาร์ต่อออนซ์

• สถานะขายตัดขาดทุน หากราคาผ่านแนวต้าน 1,985 ดอลลาร์ต่อออนซ์

บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687- กด 1 หรือเว็บไซต์ \\.co.th