InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวแคบ ขณะที่นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวัง ก่อนรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 21.36 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,721.82 จุด บวก 4.73 จุด หรือ 0.01%
ทั้งนี้ เฟดเริ่มการประชุมวันนี้ ก่อนที่จะมีการแถลงผลการประชุมในวันพรุ่งนี้
นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟด รวมทั้งถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะส่งสัญญาณทิศทางนโยบายการเงินของเฟดในปีนี้
ตลาดได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินรอบนี้
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเข้าสู่การซื้อขายวันสุดท้ายของเดือนม.ค.ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่าการปรับตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนแรกของปีจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ทิศทางที่สดใสของตลาดในปีนี้ หลังจากทำสถิติทรุดตัวลงในปีที่แล้วหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ได้พุ่งขึ้น 1.72% นับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.และต้นปี 2566 ขณะที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ในรอบ 4 เดือน ส่วนดัชนี S&P 500
พุ่งขึ้น 4.64% นับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.และต้นปี 2566 และมีแนวโน้มทำสถิติเป็นเดือนม.ค.ที่ทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2562 และปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ในรอบ 4 เดือน ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 8.86% นับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.และต้นปี 2566 และมีแนวโน้มทำสถิติทะยานขึ้นมากที่สุดรายเดือนนับตั้งแต่เดือนก.ค.2565นายไรอัน เดทริก นักวิเคราะห์จาก Carson Group กล่าวว่า การปรับตัวที่แข็งแกร่งในเดือนม.ค.ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาด และบ่งชี้ว่าตลาดจะดีดตัวขึ้นต่อไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
"สถิติบ่งชี้ว่า มีอยู่ถึง 5 ครั้งในอดีตที่ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมากกว่า 5% ในเดือนม.ค. หลังจากที่ตลาดติดลบในปีก่อนหน้า ดัชนีก็ได้พุ่งขึ้นเฉลี่ยถึง 30% ในปีนั้น" นายเดทริกระบุด้านนายอดัม พาร์คเกอร์ นักวิเคราะห์จาก Trivariate Research กล่าวเช่นกันว่า "สาเหตุที่ผมมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นในช่วงต้นปีเป็นเพราะที่ผ่านมานักลงทุนมองในแง่ลบมากเกินไป"
กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest